Baanpong Chiang Mai Part 2

ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่

วันที่ 2: เปิดกรุแหล่งท่องเที่ยว เรียนรู้วิถีชุมชนกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น

วัดดอยพระแท่นผาหลวง - อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ - สวนป่าสมุนไพร - ศูนย์ไบโอดีเซล - ฟาร์มเห็ด

วันนี้เราจะไปเที่ยว ตะลุยด่านกิจกรรมหลักๆ ของชุมชนบ้านโปงกัน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกว่ากิจกรรมที่นี่มีเยอะจริงๆ อยากชวนให้อยู่ด้วยกันนานๆ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดแบบนี้ ไม่เป็นไรจัดให้เลยค่ะ เดี๋ยวมาดูกันซิว่า 5 สถานีที่เราจะไปเที่ยวในชุมชนบ้านโปงที่ผู้ใหญ่บ้านจัดให้จะเป็นอย่างไร แต่ก่อนอื่นขอทานอาหารเที่ยงแสนอร่อยที่พี่สาวคนสวยทำเอาไว้ให้ก่อนแล้วกัน


Chiangmai
สลัดผักสดและก๊วยเตี๋ยวบกเพื่อสุขภาพ ใช้เห็ดที่ชุมชนเพาะเองเป็นวัตถุดิบหลัก 
อร่อย กรุบกรอบ ถึงกับต้องขอเบิ้ล 2 จาน


Chiangmai
ขอซูมใกล้ๆ อีกนิด จะเห็นว่ามีพริกกะเหรี่ยงด้วยนะ เผ็ดถึงใจเชียว … ลำแต๊แต๊ เจ้า  
เอาล่ะ อิ่มหนำสำราญแล้ว มาดูจุดหมายแรกที่เราเดินทางไปกันดีกว่า ถึงแล้ว วัดดอยพระแท่นผาหลวง ที่นี่มีตำนานที่เก่าแก่กว่า 700 ปี หรือถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ คือ วัดแห่งนี้สร้างก่อนวัดพระธาตุดอยสุเทพ แลนด์มาร์กของเมืองเชียงใหม่เสียอีก มัคคุเทศก์ท้องถิ่นไม่รอช้ารีบเรื่องราวให้ชาวคณะเป็นภาษาคำเมืองทันที มันช่างได้บรรยากาศท้องถิ่นจริงๆ

Chiangmai
ขณะที่ชาวคณะกำลังตั้งใจฟังตำนานท้องถิ่น
จุดนี้เป็นด้านหลังของโบสถ์ ซึ่งความแปลกคือวัดนี้เราไม่เข้าจากด้านหน้านะ แต่ต้องเข้าด้านหลังแทน
โดยเรื่องราวนี้พาเราย้อนเวลาไปสมัยพุทธกาล ครั้งพระพุทธเจ้าได้เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ และได้นั่งประทับบนแท่นศิลาเพื่อฉันภัตตาหาร โดยทำนายว่าต่อไปในเบื้องหน้าบริเวณแท่นศิลาที่พระองค์ทรงประทับนี้จะเป็นนครใหญ่ และเมื่อเจ้าผู้ครองนครเสด็จมายังแท่นศิลานี้ เมื่อนั้นจะเป็นยุคทองของพุทธศาสนา ซึ่งเวลาต่อมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ด้วยเหตุวิบัติมีเทพเจ้าจำแลงมางัดแท่นศิลาที่พระพุทธเจ้าเคยมาประทับให้พลิกคว่ำลง เรื่องราวนี้ได้ร่ำลือถึงหูพระเจ้ากือนากษัตริย์ราชวงศ์มังราย ผู้ครองนครล้านนาไทยในสมัยนั้น พระองค์จึงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และทรงพบว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ปรากฏผู้สร้างประดิษฐานอยู่หลังแท่นศิลาที่พลิกคว่ำนี้ พระองค์จึงทรงมีพระราชศรัทธาร่วมกับราชวงศ์และข้าราชบริวารสร้างวิหารไม้สักถวายแด่พระพุทธรูปและสร้างรั้วเหล็กรอบพระแท่นศิลานั้น

องค์พระพุทธรูปจะประทับหันหลังให้ผู้เข้าไปกราบในพระวิหารอันเป็นปริศนาธรรม ตามที่เรารู้จักกันว่า 
“ปิดทองหลังพระ”

Chiangmai

ที่นี่มีความ unseen และแตกต่างจากวัดที่อื่น คือ องค์พระประธานที่หันหลังให้กับผู้ที่เดินทางมาสักการะ สามารถพูดได้เลยว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และมีเพียงที่เดียวในประเทศไทยก็ว่าได้

Chiangmai



Chiangmai
วัดนี้มีสถาปัตยกรรมแนวล้านนา รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างขอบประตู หน้าต่าง
กรมศิลปากรได้มีการเข้ามาบูรณะเป็นระยะ

Chiangmai
"มอม" สัตว์หิมพานต์ที่มักถูกวางไว้ทางเข้าประตูโบสถ์หรือวิหาร 
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อและความศรัทธา
Chiangmai
แท่นศิลาที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน (นี่คือคว่ำแล้วนะ)

Chiangmai

นอกจากบริเวณอุโบสถที่มีความน่าสนใจแล้ว ยังมีเจดีย์ที่สวยงามเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุอยู่ด้วย เราไม่รอช้าขอเดินขึ้นไปสำรวจซักหน่อย

Chiangmai
พระเกศาธาตุอยู่บนยอดสุดของเจดีย์

Chiangmai
บริเวณรอบเจดีย์มีการจัดวางอนุสาวรีย์ 12 นักษัตร บังเอิญว่าเกิดปีขาลพอดี ขอเก็บภาพสัญลักษณ์ปีเกิดไว้เป็นที่ระลึก เผื่อเป็นสิริมงคลในปี 2559 นี้

ตีมการปลูกสร้างจะเน้นการใช้กระจกสีเป็นหลัก ขอบอกเลยว่าช่างไทยมีความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ แถมยังวิสัยทัศน์มากอีกต่างหาก ด้วยบริเวณนี้เป็นที่โปร่ง พอแสงแดดมากระทบกับตัวเจดีย์ และสิ่งปลูกสร้างโดยรอบแล้ว สวยสะดุดตามากๆ

Chiangmai


Chiangmai
ด้านบนยังทำให้เราเห็นวิวทิวเขาแดนเหนือได้อย่างชัดเจน 
ภูเขาเขียวขจี แสดงถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
Chiangmai
ภายในเจดีย์ก็เปิดให้เข้าชมนะ

Chiangmai
ขอภาพหมู่ซักภาพก่อนเปลี่ยนไปยังสถานีที่ 2
หลังจากได้ทราบเรื่องราวประวัติวัดคู่ชุมชนบ้านโปงกันแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาเดินทางไปยังสถานีที่ 2 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดพระแท่นผาหลวงมากนัก นั่นคือ อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ หนึ่งในโครงการพระราชดำริ ที่ช่วยรักษาแหล่งน้ำ และเป็นหัวใจของชุมชนเพื่อนำน้ำมาใช้เพื่อสาธารณูปโภค อีกทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชุมชน ใครใคร่มานั่งชิลริมน้ำ จะมาเดี่ยว มาคู่ หรือปิคนิกกับเพื่อนๆ ก็ไม่ว่ากัน ที่สำคัญที่นี่ยังมีกิจกรรมฮอตฮิตของคนในท้องถิ่น อย่างการตกปลา ก็เป็นกิจกรรมฝึกสมาธิไปได้ในตัว

Chiangmai
วิวของอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ แม้ว่าช่วงเวลานี้จะแล้งที่สุด แต่ยังเห็นถึงความสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบ
แค่ได้มองวิวทิวทัศน์ก็เพลินแล้ว
เข้าสู่สถานีที่ 3 ใครที่ชื่นชอบการเดินป่า ชมนก ชมไม้ หรือจะเดินเพื่อออกกำลังกาย ชุมชนนี้มีพร้อมนะเออ เรามีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสมุนไพรไทยมาเป็นผู้นำทางในช่วงนี้ เห็นลุงแก่แล้วอย่าคิดว่าจะไม่มีกำลังเดินนะ เผลอแป๊ปเดียวลุงเข้าป่าไปแล้ว ในจินตนาการเข้าใจว่าสวนสมุนไพร ก็คือสวนที่ปลูกสมุนไพรนะ แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะ สวนสมุนไพรแห่งนี้ คือพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และอยู่ในผืนป่าแห่งนี้เนี่ยล่ะ จำได้เลยว่าตอนเดินทางไปลุงมัคคุเทศก์ดูดีใจที่คนรุ่นใหม่ยังให้ความสนใจในยาแผนโบราณแบบนี้ เจออะไรข้างทางเอาเป็นว่าคว้ามาบรรยายสรรพคุณให้รู้กัน

Chiangmai
ลุงมัคคุเทศน์ คว้าต้นรางจืดที่มีทั่วไปในป่ามาอธิบายให้ฟังกัน ซึ่งพืชชนิดนี้เหมาะกับเกษตรกรมากๆ 
เพราะ สรรพคุณช่วยชำระสารพิษที่อาจตกค้างตามผิวหนังจากการพ้นยาฆ่าแมลงได้นะ

ต่อมา อันนี้สิน่าสนใจ ที่เห็นนี่ไม่ใช่จอมปลวกในป่านะจ้ะ แต่เป็นที่อยู่ของผึ้ง!! หรือเรียกว่า “รังผึ้งชันโรง” มันเป็นผึ้งคนละสายพันธุ์กับที่เราเห็นตามต้นไม้นะ เรียกว่าผึ้งทั้งฝูงพร้อมใจหายางไม้มาทำรังกันเลยทีเดียว ซึ่งส่วนที่เราสามารถเอามาทำยาได้ก็คือ ท่อที่ผึ้งใช้เดินทางเข้าไปในรังใต้ดินของมันนั่นแหละ

Chiangmai
รังใหญ่มากๆ ท่อนี้มีผึ้งอยู่ด้วยนะ

Chiangmai
ลุงหยิบท่อมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แถมบอกด้วยว่าในป่ามีอีกเยอะหนู 
หึ! คิดไว้เลยว่าไม่ควรหลงป่าที่นี่ กลัวว่าจะผึ้งต่อยเอาน่ะสิ
หลังจากตื่นตาตื่นใจกับผึ้ง ก็ถึงเวลาเปลี่ยนสถานีอีกครั้ง คราวนี้เป็นสถานีที่มีสาระมากที่สุด เราได้ไปดูศูนย์ไบโอดีเซลของชุมชน ซึ่งจะกล่าวว่าชุมชนบ้านโปงแห่งนี้เป็นชุมชนนักวิจัยมือฉมังก็ว่าได้ เพราะที่นี่มีหม้อกลั่นน้ำมันเป็นของตัวเอง มีการค้นคว้านำวัตถุดิบหลากหลายมาลองกลั่นเป็นน้ำมันด้วย

Chiangmai
ตัวอย่างน้ำมันที่ได้จากวัตถุดิบต่างๆ มาเต็ม
ซึ่งผลคือ ตอนนี้สามารถกลั่นน้ำมันมาใช้ได้จริง เห็นได้เลยว่าสิ่งเหลือใช้บางอย่างที่เรามักจะทิ้งไป อาทิ น้ำมันเก่าๆ มันสามารถนำมากลั่นเป็นน้ำมันใหม่และใช้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ได้ด้วย แน่นอนเครื่องยนต์ของเกษตรกรใช้ได้ เพราะพี่นักวิจัยกล่าวแล้วว่าได้ทดลองกับ Hilux Vigo ของพี่เองเลยด้วย การันตีขนาดนี้ เกษตรกรย่านนี้คงประหยัดพลังงานไปได้เยอะ

Chaingmai
โชว์ถังกลั่นน้ำมันของชุมชนบ้านโปงหน่อย
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ถึงแล้วสถานีสุดท้ายของเรา “ฟาร์มเพาะเห็ด” มาถึงแล้วช่างมีความสุขเสียจริง เพราะเราเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ชอบทานเห็ดเหมือนกัน จะว่าเป็น เห็ดคิลเลอร์ ก็ว่าได้ เจ้าของฟาร์มเห็น 2 พี่น้อง ออกมาร่วมกันสาธิตตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมอาหารของเห็ดกันเลย ใครมีความสนใจอยากลองปลูกเห็ด มีเวลาว่างๆ ลองมาศึกษาดูได้นะ อย่าคิดว่าเห็นเป็นเหมือนรา อยู่ในที่ชื้นก็ขึ้นได้ บอกเลยว่าจากที่เห็นกับตามีขั้นตอนที่พิถีพิถันอยู่ไม่น้อย ทำเอาหวนนึกถึงวัยมัธยมปลายตอนนั่งเรียนชีวะ

Chiangmai
เครื่องมือตัดแต่งพันธุกรรม พร้อมวิธีการเพาะเนื้อเยื่อของเห็ด
Chiangmai
กว่าจะมาเป็นเห็ดให้เรากินได้ไม่ง่ายเลยน้า ที่นี่มีทั้งเห็ดภูฐาน เห็ดนางรมหลวง 
เห็นแล้วน้ำลายพี่สอ อยากจิกินยำเห็ดสดซะเดี๋ยวนี้เลย


วันที่สองนี้ มันคือการมาเที่ยวกับคนในชุมชนจริงๆ มีมัคคุเทศก์รุ่นเก๋ามาคอยให้ความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตลอดทั้งวันเลย เต็มอิ่มกับอาหารที่ทำจากวัตถุดิบในชุมชน คนในชุมชนน่ารัก มีความเป็นกันเองมากๆ วันนี้ได้รับรอยยิ้มและเติมความสุขให้กับเราชาวคณะอย่างมากมาย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ขอเก็บภาพกับเหล่าแกนนำชุมชนเป็นที่ระลึกซักหน่อย คราวหน้าหากมีโอกาส อยากมาเยี่ยมเยียนชุมชนที่นี้อีกซักครั้ง อย่างน้อยความวุ่นวายในเมืองหลวงของเราก็สามารถบรรเทาได้ด้วยความ slow life ในชุมชนบ้านโปงแห่งนี้


Chiangmai
รวมๆ กันซะหน่อย ^^

Chiangmai


 :)


Share:

0 comments