Baanpong Chiang Mai Part 1
ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่
ตอนที่ 1 ทำความรู้จักชุมชนบ้านโปง และบันทึกการเดินทางไปฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่
บ้านโปง ที่ไหนหน่ะ? … ใช่บ้านโป่ง ราชรี รึเปล่า? คือ ทั้งชีวิตเคยได้ยินแต่ชื่อบ้านโป่ง เราก็คิดว่าเพื่อนในทีมคงหาข้อมูลผิดแน่แท้ ที่ไหนได้เรานี่แหละที่ไม่รู้จักชุมชนนี้ต่างหาก ก็ใครจะไปคิดว่าชุมชนบ้านโปง เป็นชื่อชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีป่าไม้อันสมบูรณ์ซ่อนอยู่ เอาหล่ะส่งท้ายปี 2558 นี้เราอยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันซักที่ในประเทศ แนว Local Tourism แล้วมากันดูว่าการท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวิถีไทยเป็นอย่างไร ตอนนี้โอกาสมาถึงเราแล้วลองเดินทางไปดูซักหน่อยจะเป็นไรไป ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนเหมือนกัน แถมเป็นช่วงเทศกาลวันพ่อตลอดเดือนธันวาคม ไปท่องเที่ยวตามรอยพ่อ ดูงานกิจกรรมโครงการในพระราชดำริฯ ด้วยก็อาจเอามาใช้เป็นอินสไปเรชั่นใหม่ๆ ได้
ช่วงลงมือสืบสาวเรื่องราวของชุมชนบ้านโปงก่อนเดินทาง
ส่วนตัวแล้วก่อนจะเดินทางไปไหน ต่อให้มีไกด์ที่ดีที่สุด ยังไง๊ยังไงก็ขอสืบข้อมูลพื้นที่ด้วยตัวเองซักหน่อย เผื่อเดินเที่ยวเพลินๆ ตกรถบัสจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ และที่สำคัญถ้าเรามีความเข้าใจในเรื่องสภาพแวดล้อมหรือประวัติศาสตร์ชุมชนบ้าง มันก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวของสถานที่และวิถีชีวิตได้ง่ายนะ ทีนี้ในช่วงการหาข้อมูลก่อนขึ้นเชียงใหม่ไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง เราได้เซิสหาข้อมูลจาก Internet และได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน อ.มิ่งขวัญ แดงสุวรรณ ผ่านทาง LINE ตลอด 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ไหนมาดูสิบ้านโปงเค้ามีอะไรดีบ้าง มาทำเช็คลิสต์กัน
- ชุมชนบ้านโปงได้ชื่อว่าเป็น “ปอด” ของเมืองเชียงใหม่ เพราะสามารถรักษาป่าผืนใหญ่ใกล้เมืองไว้ได้ ทำให้มีแหล่งน้ำ มีอากาศบริสุทธิ์ การันตีด้วยรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 10 ประจำปี 2551
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรในชุมชน และทรงงานด้านการรักษาแหล่งน้ำของชุมชนถึง 3 ครั้ง ปัจจุบันสมาชิกในชุมชนก็ยังดำเนินรอยตามโครงการของพระองค์อยู่
- เดินทางสะดวก จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางเพียง 9-10 นาที เท่านั้น
- ที่นี้มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งแต่ละคนดีกรีเป็นแกนนำชุมชน ใครได้มาเยี่ยมเยียนรับรองว่าได้เที่ยวในพื้นที่อย่างครบรสเลยทีเดียว
- มีโฮมสเตย์ซึ่งเป็นบ้านของคนในท้องถิ่นแท้ๆ มากกว่า 70 หลัง
- มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสำรวจประวัติศาสตร์ชุมชนอย่าง วัดดอยแท่นพระผาหลวง
- รู้เรื่องการเกษตรได้จากการสำรวจฟาร์มโครงการของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่ทำร่วมกับชุมชน
- ใครชอบเดินป่าสำรวจธรรมชาติ ไปศึกษาแหล่งต้นน้ำได้ พร้อมสาธิตวิธีการทำฝายกั้นน้ำ
- ฐานกิจกรรมแนวผจญภัย ย้อนวัยเป็นลูกเสือ เนตรนารี กันได้ เพราะ ที่นี้ยามปกติเป็นค่ายดังที่มีโรงเรียนแวะเวียนมาเสมอ
- รองรับนักท่องเที่ยวที่มีใจรักในการขับจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว
- กิจกรรมชุมชนมีการคงความเป็นเอกลักษณ์พื้นบ้าน อาทิ การสอนทำอาหารท้องถิ่น
ก่อนเดินทางมาเราก็ได้รับการบิ้วอารมณ์จาก อ.มิ่งขวัญ มามากกว่า 10 รายการ เดี๋ยวจะขอไปดูให้เห็นกับตาซักหน่อยว่าที่เราลิสต์เอาไว้มันจะครบทุกข้อรึเปล่า? หรือเกินกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน ทีนี้ขอกลับมาเรื่องราวสำคัญที่ขาดไม่ได้ แน่นอนเรื่องการเตรียมตัวนี่ พลาดไม่ได้เชียว เสื้อผ้าหน้าผมเพื่อการถ่ายรูปและการสร้างความประทับใจให้กับคนในพื้นที่ต้องมาก่อน … 2 วัน 1 คืนนี้ ขอแนวเสื้อผ้าแนวทัวร์ริส ฮิปสเตอร์ กับเค้าละกัน คล่องตัวและดูเป็นนักท่องเที่ยวดี เผื่อเจอชาวบ้านเขาจะได้เคยชินกัน
เดินทางสู่ชุมชนบ้านโปง ณ เจียงใหม่ เจ้าาา
การเดินทางในครั้งนี้ บอกเลยว่าเอ็กคลูซีฟมาก เพราะ มีสปอนเซอร์ใจดีอย่าง Thai Smile Airways ที่สนับสนุนการเดินทางทั้งขาไปขากลับให้กับเหล่า Staff และวิทยากร ได้เดินทางไปยังบ้านโปงโดยสวัสดิภาพ บอกเลยว่านอกจากแอร์จะน่ารัก ให้บริการดีแล้ว เรายังถึงที่หมายได้ตรงเวลาตามที่นัดหมายกับคุณลุงคนขับรถตู้ด้วย
เมื่อเข้าสู่ชุมชนชนแล้ว ในวันนั้นบังเอิญว่าเป็นวันปิดค่ายลูกเสือพอดี แต่ อ.มิ่งขวัญ ก็รีบผละงานจากค่าย เพื่อมารองรับแขกผู้มาเยือนอย่างเราๆ ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวด้วยความเป็นกันเอง หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันแล้ว ขอเริ่มจากการทำงานของดิฉันก่อนที่จะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะจุดประสงค์หลักคือ การมาให้ความรู้เรื่องโซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน ซึ่งในงานนี้ได้รับเกียรติจากเหล่าวิทยากรชื่อดังในด้านออนไลน์ถึง 4 ท่านด้วยกัน เอาเป็นว่าทั้งชุมชนและดิฉันได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม เหล่าแกนนำชุมชนต่อให้อายุมากแล้ว ต้องบอกเลยว่าไฟแรงและมีใจรักในการพัฒนาจริงๆ เห็นได้จากตลอดช่วงการเสวนา ทุกคนได้พยายามแลกเปลี่ยนความรู้ และเสนอแนะแนวทางด้วยการอู้คำเมืองกันอย่างเมามันส์
บรรยากาศกิจกรรมเสวนาของเหล่าวิทยากรร่วมกับชุมชน
|
วิทยากรของเราขอ selfie ร่วมกับแกนนำของชุมชนซักภาพ
|
หลังจากช่วงเวลาการเสวนาได้จบลง อ.มิ่งขวัญ เอ่ยปากชวนทีมงานทุกคนไปร่วมชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ พร้อมการันตีด้วยภาพในโทรศัพท์มือถือ พอพวกเราเห็นแล้วไม่รอช้า ทุกคนตกลงทันทีว่าขอไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองกันดีกว่า ดิฉันขออาสาซ้อนมอเตอร์ไซต์ของน้องคนหนึ่งเพื่อจะได้เก็บบรรยากาศสองข้างทางได้ชัดเจน และได้โอกาสพูดคุยกับน้องคนขับไปด้วย บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะ ได้ข้อมูลเรื่องต้นไม้ และความเป็นมาของฟาร์มมาเป็นของแถม
“ หนูไม่ชอบเข้าเมือง ข้างในวุ่นวาย อยู่ตรงนี้ก็สบายดี อากาศก็ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพี่ ”
- ความรู้สึกของน้องเยาวชนสารถีจำเป็นของแจ๊ส -
“ พี่ก็อยากมีบ้านต่างจังหวัดให้กลับเหมือนกันนะ พี่ยังแอบอิจฉาเพื่อนๆ ที่มีบ้านต่างจังหวัดเลย อย่างน้อยก็มีบ้านพักร้อน ให้เราได้กลับไปพักผ่อน สูดอากาศแบบธรรมชาติบ้าง ”
- ความรู้สึกของแจ๊ส คนเกิดและโตในกรุงเทพฯ -
ความในใจของดิฉันก็ได้แลกเปลี่ยนไปให้กับน้องเยาวชนคนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกเลยว่าใครที่มีใจรักธรรมชาติ และมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรไฮโซซักครั้ง ที่นี่เป็นอินสไปเรชั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้คุณที่มาเยือนต้องตกหลุมรัก ประทับใจจนอย่างมีฟาร์มส่วนตัวแบบนี้กับเขาบ้าง
ฟาร์มแม่โจ้แวดล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ล้อมด้วยรั่วสีขาว เป็นแนวคันทรีที่น่าสนใจ
|
ผลไม้ที่ได้เห็นในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีลำไย มะม่วงน้ำดอกไม้
ซึ่งตอนนี้จะยังไม่ถึงฤดูกาลของการออกผล |
จริงๆ แล้วยังมีโครงการพระราชดำริฯ ด้านการเกษตรที่หลากหลายด้วย
อย่าง โรงเพาะไส้เดือนดิน หรือ ผลไม้เมืองหนาว |
น้องมัคคุเทศก์จำเป็นได้ให้ความรู้ระหว่างขี่มอเตอร์ไซต์ด้วยว่า ที่นี่เวลาถึงช่วงเก็บเกี่ยว ผลผลิตต่างๆ มีการแบ่งสรรปันส่วนระหว่างชุมชนและมหาวิทยาลัยกันด้วย นับว่ามีระบบการจัดการที่ดีทีเดียว ที่นี่ยังมีแปลงเพาะผักสวนครัว หรือพืชพันธ์ุต่างๆ ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำงานวิจัยทดลองปลูกบ้าง หรือเป็นงานโปรเจคของวิชาเรียนบ้าง จะเห็นน้องๆ บางกลุ่มแวะเวียนมาดูแลแปลงเกษตรของตัวเอง พร้อมจดบันทึกการเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกด้วยตัวเอง เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ
ต้นผักกำลังเจริญเติบโตเลยทีเดียว โตไวไวน้า
|
ต้องขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับการขึ้นมาดูฟาร์มตามคำเชิญชวนในครั้งนี้ เพราะ ภาพพระอาทิตย์อัสดงของที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ สวยกว่าภาพในโทรศัพท์มือถือที่เห็นเมื่อยามบ่ายเสียอีก ดิฉันยังคุยกับเพื่อนๆ ว่าที่นี่เหมาะที่จะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายละคร แนวสาวน้อยบ้านนาวิ่งมากอดกับหนุ่มกรุงเทพฯ ที่ตามมาง้องอน หรือจะเป็นฉากพรีเวดดิ้งก็เป็นแนวใหม่ที่น่าสนใจ
แปลงเพาะปลูกโดยรอบอีกซักภาพ จริงๆ แล้วมีเยอะกว่านี้อีกนะ
|
หามุมถ่ายพระอาทิตย์กันสนุกสนาน ตอนอยู่กรุงเทพฯ ทำไมไม่มีฉากแบบนี้น้า
|
นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังมีชมรมนักปั่นกลุ่มเล็กๆ ที่มีแกนนำชุมชนท่านหนึ่งที่มีความสนใจเรื่องการปั่นจักรยานจัดตั้งขึ้น มีการนัดรวมตัวกับสมาชิกในชุมชนมาปั่นร่วมกัน แต่ที่ดิฉันเห็นไม่ใช่มีแค่คนในพื้นที่เท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติ ต่างถิ่นมาร่วมปั่นด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ได้สุขภาพที่ดี ได้เพื่อนใหม่ และได้ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ข้างทางไปในตัว ที่สำคัญถนนราดยางเส้นขึ้นมาในฟาร์มแม่โจ้นี้ ถนนดีมาก และแทบไม่มีรถเก๋งขับสวนทางมาเลย เป็นการรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้ในระดับหนึ่ง
อยากเก็บเส้นทางการปั่นทั่วไทย ที่บ้านโปง เป็นหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจจริงๆ
|
กลุ่มนี้เค้าปั่นกันเป็นระเบียบเชียว เหมือนเข้าแถวกันเลย
|
ซูมพื้นถนนให้ดูชัดๆ ดีเทลเล็กๆ เราไม่เคยพลาดนะ
|
ซุ้มประตู Maejo Farm เรามาถึงแล้วน้า
|
หลังจากเสพบรรยากาศความงามของป่าและธรรมชาติในฟาร์มแม่โจ้จนเต็มอิ่มแล้ว ก็เป็นอันถึงเวลาของการพักผ่อน อ.มิ่งขวัญ ได้จัดเตรียมที่พักแบบโฮมสเตย์ให้กับทีมงานเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอบอกเลยว่าตื่นเต้นกับการเข้าพักบ้านของคนในชุมชนจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ดิฉันจะได้พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งก่อนเดินทางมาถึงได้จินตนาการไว้เรียบร้อยว่าที่พักจะต้องเป็นแบบโลคัลสุดๆ บ้านไม้มีใต้ถุนรึเปล่าน้า ต้องมีไก่กุ๊กๆ แน่ๆ เอาเป็นว่าภาพที่มโนไว้เป็นแบบหน้าปกแบบเรียนภาษาไทยสมัยประถมกันเลยทีเดียว (แก้วกับกล้า) แต่ในความเป็นจริงขอบอกเลยว่าไม่ใช่นะจ้ะ มันเป็นอะไรที่สมัยใหม่มากๆ บ้านสวยกว่าบ้านเราๆ ในกรุงเทพฯ เสียอีก
ภาพหน้าบ้านถึงจะมืดไปหน่อยแต่เป็นของจริงที่ได้ไปสัมผัส
|
เจ้าของบ้านโฮมสเตย์เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีลูกชายตัวจิ๋ว 2 คนด้วยกัน พี่ๆ เจ้าของบ้านพักใจดีและให้ความเป็นกันเองมากๆ เราได้ใช้เวลาอันน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน เป็นที่น่าสนใจว่าบ้านหลังนี้เคยมีชาวต่างชาติมาพักด้วย ซึ่งคุณแม่ได้แชร์เรื่องราวว่า น้องเด็กฝรั่งที่มาพักก่อนหน้านี้บอกด้วยว่าจะกลับมาใหม่ ตอนที่มาพักจำได้ว่ามาเพื่อศึกษาความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เขาเข้าไปดูงานเกษตรกับลุงบ้าง ผู้เฒ่าคนแก่ในชุมชนบ้าง สื่อสารกันโดยใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมในห้องเสวนาเมื่อเช้านี้มีภาษาอังกฤษเขียนอยู่ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านเคยบอกนั่นเองว่าที่นี่มีการรวมกลุ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นด้วยนั่นเอง
แค่ในวันแรกเท่านั้น เช็คลิสต์ที่เคยทำมาก่อนที่จะเดินทางมาถึงก็ได้พิสูจน์ไปเกือบครบแล้ว บอกเลยว่ารู้สึกประทับใจมากๆ ที่คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไม่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปเข้าเมืองเหมือนแต่ก่อน คนในท้องถิ่นรุ่นใหม่ๆ ทั้งน้องมัคคุเทศก์จำเป็นของพี่แจ๊ส และพี่ๆ เจ้าของบ้านโฮมสเตย์ของเราต่างได้ให้ความสำคัญกับบ้านที่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิด และทำงานให้กับชุมชนจริงๆ นับว่าเป็นแนวคิดแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในปัจจุบัน
เดี๋ยวเราลองมาดูกันว่าในวันที่ 2 ของชุมชนบ้านโปงจะมีเรื่องราวสนุกๆ อะไรบ้าง รอติดตามกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่น้า ฟาร์มในฝัน ^^
|
ภาพ Highlight of The Day "Sun Set Scenery"
|
0 comments