Jazzie Diary

Let me share to spark new inspiration

About me

Blog Archive

  • November (2)

Categories

  • Chiangmai
  • เชียงใหม่
  • เที่ยวภาคเหนือ
  • บ้านโปง
  • พระหันหลัง
  • ฟาร์มแม่โจ้
  • แม่โจ้
  • วัดดอยพระแท่นผาหลวง

Search This Blog

Like Us

top navigation

featured Slider

Popular Posts

  • Baanpong Chiang Mai Part 1
    ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่  ตอนที่ 1 ทำความรู้จักชุมชนบ้านโปง และบันทึกการเดินทางไปฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ บ้านโปง ที่ไหน...
  • Baanpong Chiang Mai Part 2
    ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่ วันที่ 2: เปิดกรุแหล่งท่องเที่ยว เรียนรู้วิถีชุมชนกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น วัดดอยพระแท่นผาหลวง...

ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่

วันที่ 2: เปิดกรุแหล่งท่องเที่ยว เรียนรู้วิถีชุมชนกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น

วัดดอยพระแท่นผาหลวง - อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ - สวนป่าสมุนไพร - ศูนย์ไบโอดีเซล - ฟาร์มเห็ด

วันนี้เราจะไปเที่ยว ตะลุยด่านกิจกรรมหลักๆ ของชุมชนบ้านโปงกัน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านบอกว่ากิจกรรมที่นี่มีเยอะจริงๆ อยากชวนให้อยู่ด้วยกันนานๆ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดแบบนี้ ไม่เป็นไรจัดให้เลยค่ะ เดี๋ยวมาดูกันซิว่า 5 สถานีที่เราจะไปเที่ยวในชุมชนบ้านโปงที่ผู้ใหญ่บ้านจัดให้จะเป็นอย่างไร แต่ก่อนอื่นขอทานอาหารเที่ยงแสนอร่อยที่พี่สาวคนสวยทำเอาไว้ให้ก่อนแล้วกัน


Chiangmai
สลัดผักสดและก๊วยเตี๋ยวบกเพื่อสุขภาพ ใช้เห็ดที่ชุมชนเพาะเองเป็นวัตถุดิบหลัก 
อร่อย กรุบกรอบ ถึงกับต้องขอเบิ้ล 2 จาน


Chiangmai
ขอซูมใกล้ๆ อีกนิด จะเห็นว่ามีพริกกะเหรี่ยงด้วยนะ เผ็ดถึงใจเชียว … ลำแต๊แต๊ เจ้า  
เอาล่ะ อิ่มหนำสำราญแล้ว มาดูจุดหมายแรกที่เราเดินทางไปกันดีกว่า ถึงแล้ว วัดดอยพระแท่นผาหลวง ที่นี่มีตำนานที่เก่าแก่กว่า 700 ปี หรือถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ คือ วัดแห่งนี้สร้างก่อนวัดพระธาตุดอยสุเทพ แลนด์มาร์กของเมืองเชียงใหม่เสียอีก มัคคุเทศก์ท้องถิ่นไม่รอช้ารีบเรื่องราวให้ชาวคณะเป็นภาษาคำเมืองทันที มันช่างได้บรรยากาศท้องถิ่นจริงๆ

Chiangmai
ขณะที่ชาวคณะกำลังตั้งใจฟังตำนานท้องถิ่น
จุดนี้เป็นด้านหลังของโบสถ์ ซึ่งความแปลกคือวัดนี้เราไม่เข้าจากด้านหน้านะ แต่ต้องเข้าด้านหลังแทน
โดยเรื่องราวนี้พาเราย้อนเวลาไปสมัยพุทธกาล ครั้งพระพุทธเจ้าได้เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ และได้นั่งประทับบนแท่นศิลาเพื่อฉันภัตตาหาร โดยทำนายว่าต่อไปในเบื้องหน้าบริเวณแท่นศิลาที่พระองค์ทรงประทับนี้จะเป็นนครใหญ่ และเมื่อเจ้าผู้ครองนครเสด็จมายังแท่นศิลานี้ เมื่อนั้นจะเป็นยุคทองของพุทธศาสนา ซึ่งเวลาต่อมาก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ด้วยเหตุวิบัติมีเทพเจ้าจำแลงมางัดแท่นศิลาที่พระพุทธเจ้าเคยมาประทับให้พลิกคว่ำลง เรื่องราวนี้ได้ร่ำลือถึงหูพระเจ้ากือนากษัตริย์ราชวงศ์มังราย ผู้ครองนครล้านนาไทยในสมัยนั้น พระองค์จึงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และทรงพบว่ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไม่ปรากฏผู้สร้างประดิษฐานอยู่หลังแท่นศิลาที่พลิกคว่ำนี้ พระองค์จึงทรงมีพระราชศรัทธาร่วมกับราชวงศ์และข้าราชบริวารสร้างวิหารไม้สักถวายแด่พระพุทธรูปและสร้างรั้วเหล็กรอบพระแท่นศิลานั้น

องค์พระพุทธรูปจะประทับหันหลังให้ผู้เข้าไปกราบในพระวิหารอันเป็นปริศนาธรรม ตามที่เรารู้จักกันว่า 
“ปิดทองหลังพระ”

Chiangmai

ที่นี่มีความ unseen และแตกต่างจากวัดที่อื่น คือ องค์พระประธานที่หันหลังให้กับผู้ที่เดินทางมาสักการะ สามารถพูดได้เลยว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และมีเพียงที่เดียวในประเทศไทยก็ว่าได้

Chiangmai



Chiangmai
วัดนี้มีสถาปัตยกรรมแนวล้านนา รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างขอบประตู หน้าต่าง
กรมศิลปากรได้มีการเข้ามาบูรณะเป็นระยะ

Chiangmai
"มอม" สัตว์หิมพานต์ที่มักถูกวางไว้ทางเข้าประตูโบสถ์หรือวิหาร 
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อและความศรัทธา
Chiangmai
แท่นศิลาที่ปรากฎอยู่ในปัจจุบัน (นี่คือคว่ำแล้วนะ)

Chiangmai

นอกจากบริเวณอุโบสถที่มีความน่าสนใจแล้ว ยังมีเจดีย์ที่สวยงามเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุอยู่ด้วย เราไม่รอช้าขอเดินขึ้นไปสำรวจซักหน่อย

Chiangmai
พระเกศาธาตุอยู่บนยอดสุดของเจดีย์

Chiangmai
บริเวณรอบเจดีย์มีการจัดวางอนุสาวรีย์ 12 นักษัตร บังเอิญว่าเกิดปีขาลพอดี ขอเก็บภาพสัญลักษณ์ปีเกิดไว้เป็นที่ระลึก เผื่อเป็นสิริมงคลในปี 2559 นี้

ตีมการปลูกสร้างจะเน้นการใช้กระจกสีเป็นหลัก ขอบอกเลยว่าช่างไทยมีความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ แถมยังวิสัยทัศน์มากอีกต่างหาก ด้วยบริเวณนี้เป็นที่โปร่ง พอแสงแดดมากระทบกับตัวเจดีย์ และสิ่งปลูกสร้างโดยรอบแล้ว สวยสะดุดตามากๆ

Chiangmai


Chiangmai
ด้านบนยังทำให้เราเห็นวิวทิวเขาแดนเหนือได้อย่างชัดเจน 
ภูเขาเขียวขจี แสดงถึงความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
Chiangmai
ภายในเจดีย์ก็เปิดให้เข้าชมนะ

Chiangmai
ขอภาพหมู่ซักภาพก่อนเปลี่ยนไปยังสถานีที่ 2
หลังจากได้ทราบเรื่องราวประวัติวัดคู่ชุมชนบ้านโปงกันแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาเดินทางไปยังสถานีที่ 2 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดพระแท่นผาหลวงมากนัก นั่นคือ อ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ หนึ่งในโครงการพระราชดำริ ที่ช่วยรักษาแหล่งน้ำ และเป็นหัวใจของชุมชนเพื่อนำน้ำมาใช้เพื่อสาธารณูปโภค อีกทั้งยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชุมชน ใครใคร่มานั่งชิลริมน้ำ จะมาเดี่ยว มาคู่ หรือปิคนิกกับเพื่อนๆ ก็ไม่ว่ากัน ที่สำคัญที่นี่ยังมีกิจกรรมฮอตฮิตของคนในท้องถิ่น อย่างการตกปลา ก็เป็นกิจกรรมฝึกสมาธิไปได้ในตัว

Chiangmai
วิวของอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ แม้ว่าช่วงเวลานี้จะแล้งที่สุด แต่ยังเห็นถึงความสมบูรณ์ของพื้นที่โดยรอบ
แค่ได้มองวิวทิวทัศน์ก็เพลินแล้ว
เข้าสู่สถานีที่ 3 ใครที่ชื่นชอบการเดินป่า ชมนก ชมไม้ หรือจะเดินเพื่อออกกำลังกาย ชุมชนนี้มีพร้อมนะเออ เรามีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสมุนไพรไทยมาเป็นผู้นำทางในช่วงนี้ เห็นลุงแก่แล้วอย่าคิดว่าจะไม่มีกำลังเดินนะ เผลอแป๊ปเดียวลุงเข้าป่าไปแล้ว ในจินตนาการเข้าใจว่าสวนสมุนไพร ก็คือสวนที่ปลูกสมุนไพรนะ แต่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะ สวนสมุนไพรแห่งนี้ คือพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และอยู่ในผืนป่าแห่งนี้เนี่ยล่ะ จำได้เลยว่าตอนเดินทางไปลุงมัคคุเทศก์ดูดีใจที่คนรุ่นใหม่ยังให้ความสนใจในยาแผนโบราณแบบนี้ เจออะไรข้างทางเอาเป็นว่าคว้ามาบรรยายสรรพคุณให้รู้กัน

Chiangmai
ลุงมัคคุเทศน์ คว้าต้นรางจืดที่มีทั่วไปในป่ามาอธิบายให้ฟังกัน ซึ่งพืชชนิดนี้เหมาะกับเกษตรกรมากๆ 
เพราะ สรรพคุณช่วยชำระสารพิษที่อาจตกค้างตามผิวหนังจากการพ้นยาฆ่าแมลงได้นะ

ต่อมา อันนี้สิน่าสนใจ ที่เห็นนี่ไม่ใช่จอมปลวกในป่านะจ้ะ แต่เป็นที่อยู่ของผึ้ง!! หรือเรียกว่า “รังผึ้งชันโรง” มันเป็นผึ้งคนละสายพันธุ์กับที่เราเห็นตามต้นไม้นะ เรียกว่าผึ้งทั้งฝูงพร้อมใจหายางไม้มาทำรังกันเลยทีเดียว ซึ่งส่วนที่เราสามารถเอามาทำยาได้ก็คือ ท่อที่ผึ้งใช้เดินทางเข้าไปในรังใต้ดินของมันนั่นแหละ

Chiangmai
รังใหญ่มากๆ ท่อนี้มีผึ้งอยู่ด้วยนะ

Chiangmai
ลุงหยิบท่อมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แถมบอกด้วยว่าในป่ามีอีกเยอะหนู 
หึ! คิดไว้เลยว่าไม่ควรหลงป่าที่นี่ กลัวว่าจะผึ้งต่อยเอาน่ะสิ
หลังจากตื่นตาตื่นใจกับผึ้ง ก็ถึงเวลาเปลี่ยนสถานีอีกครั้ง คราวนี้เป็นสถานีที่มีสาระมากที่สุด เราได้ไปดูศูนย์ไบโอดีเซลของชุมชน ซึ่งจะกล่าวว่าชุมชนบ้านโปงแห่งนี้เป็นชุมชนนักวิจัยมือฉมังก็ว่าได้ เพราะที่นี่มีหม้อกลั่นน้ำมันเป็นของตัวเอง มีการค้นคว้านำวัตถุดิบหลากหลายมาลองกลั่นเป็นน้ำมันด้วย

Chiangmai
ตัวอย่างน้ำมันที่ได้จากวัตถุดิบต่างๆ มาเต็ม
ซึ่งผลคือ ตอนนี้สามารถกลั่นน้ำมันมาใช้ได้จริง เห็นได้เลยว่าสิ่งเหลือใช้บางอย่างที่เรามักจะทิ้งไป อาทิ น้ำมันเก่าๆ มันสามารถนำมากลั่นเป็นน้ำมันใหม่และใช้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ได้ด้วย แน่นอนเครื่องยนต์ของเกษตรกรใช้ได้ เพราะพี่นักวิจัยกล่าวแล้วว่าได้ทดลองกับ Hilux Vigo ของพี่เองเลยด้วย การันตีขนาดนี้ เกษตรกรย่านนี้คงประหยัดพลังงานไปได้เยอะ

Chaingmai
โชว์ถังกลั่นน้ำมันของชุมชนบ้านโปงหน่อย
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ถึงแล้วสถานีสุดท้ายของเรา “ฟาร์มเพาะเห็ด” มาถึงแล้วช่างมีความสุขเสียจริง เพราะเราเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ชอบทานเห็ดเหมือนกัน จะว่าเป็น เห็ดคิลเลอร์ ก็ว่าได้ เจ้าของฟาร์มเห็น 2 พี่น้อง ออกมาร่วมกันสาธิตตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมอาหารของเห็ดกันเลย ใครมีความสนใจอยากลองปลูกเห็ด มีเวลาว่างๆ ลองมาศึกษาดูได้นะ อย่าคิดว่าเห็นเป็นเหมือนรา อยู่ในที่ชื้นก็ขึ้นได้ บอกเลยว่าจากที่เห็นกับตามีขั้นตอนที่พิถีพิถันอยู่ไม่น้อย ทำเอาหวนนึกถึงวัยมัธยมปลายตอนนั่งเรียนชีวะ

Chiangmai
เครื่องมือตัดแต่งพันธุกรรม พร้อมวิธีการเพาะเนื้อเยื่อของเห็ด
Chiangmai
กว่าจะมาเป็นเห็ดให้เรากินได้ไม่ง่ายเลยน้า ที่นี่มีทั้งเห็ดภูฐาน เห็ดนางรมหลวง 
เห็นแล้วน้ำลายพี่สอ อยากจิกินยำเห็ดสดซะเดี๋ยวนี้เลย


วันที่สองนี้ มันคือการมาเที่ยวกับคนในชุมชนจริงๆ มีมัคคุเทศก์รุ่นเก๋ามาคอยให้ความรู้ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตลอดทั้งวันเลย เต็มอิ่มกับอาหารที่ทำจากวัตถุดิบในชุมชน คนในชุมชนน่ารัก มีความเป็นกันเองมากๆ วันนี้ได้รับรอยยิ้มและเติมความสุขให้กับเราชาวคณะอย่างมากมาย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ขอเก็บภาพกับเหล่าแกนนำชุมชนเป็นที่ระลึกซักหน่อย คราวหน้าหากมีโอกาส อยากมาเยี่ยมเยียนชุมชนที่นี้อีกซักครั้ง อย่างน้อยความวุ่นวายในเมืองหลวงของเราก็สามารถบรรเทาได้ด้วยความ slow life ในชุมชนบ้านโปงแห่งนี้


Chiangmai
รวมๆ กันซะหน่อย ^^

Chiangmai


 :)


ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่ 

ตอนที่ 1 ทำความรู้จักชุมชนบ้านโปง และบันทึกการเดินทางไปฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่

บ้านโปง ที่ไหนหน่ะ? … ใช่บ้านโป่ง ราชรี รึเปล่า? คือ ทั้งชีวิตเคยได้ยินแต่ชื่อบ้านโป่ง เราก็คิดว่าเพื่อนในทีมคงหาข้อมูลผิดแน่แท้ ที่ไหนได้เรานี่แหละที่ไม่รู้จักชุมชนนี้ต่างหาก ก็ใครจะไปคิดว่าชุมชนบ้านโปง เป็นชื่อชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ที่มีป่าไม้อันสมบูรณ์ซ่อนอยู่ เอาหล่ะส่งท้ายปี 2558 นี้เราอยากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันซักที่ในประเทศ แนว Local Tourism แล้วมากันดูว่าการท่องเที่ยวชุมชนสัมผัสวิถีไทยเป็นอย่างไร ตอนนี้โอกาสมาถึงเราแล้วลองเดินทางไปดูซักหน่อยจะเป็นไรไป ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชนเหมือนกัน แถมเป็นช่วงเทศกาลวันพ่อตลอดเดือนธันวาคม ไปท่องเที่ยวตามรอยพ่อ ดูงานกิจกรรมโครงการในพระราชดำริฯ ด้วยก็อาจเอามาใช้เป็นอินสไปเรชั่นใหม่ๆ ได้ 


Chiangmai

ช่วงลงมือสืบสาวเรื่องราวของชุมชนบ้านโปงก่อนเดินทาง

ส่วนตัวแล้วก่อนจะเดินทางไปไหน ต่อให้มีไกด์ที่ดีที่สุด ยังไง๊ยังไงก็ขอสืบข้อมูลพื้นที่ด้วยตัวเองซักหน่อย เผื่อเดินเที่ยวเพลินๆ ตกรถบัสจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ และที่สำคัญถ้าเรามีความเข้าใจในเรื่องสภาพแวดล้อมหรือประวัติศาสตร์ชุมชนบ้าง มันก็สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวของสถานที่และวิถีชีวิตได้ง่ายนะ ทีนี้ในช่วงการหาข้อมูลก่อนขึ้นเชียงใหม่ไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง เราได้เซิสหาข้อมูลจาก Internet และได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน อ.มิ่งขวัญ แดงสุวรรณ ผ่านทาง LINE ตลอด 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ไหนมาดูสิบ้านโปงเค้ามีอะไรดีบ้าง มาทำเช็คลิสต์กัน
  • ชุมชนบ้านโปงได้ชื่อว่าเป็น “ปอด” ของเมืองเชียงใหม่ เพราะสามารถรักษาป่าผืนใหญ่ใกล้เมืองไว้ได้ ทำให้มีแหล่งน้ำ มีอากาศบริสุทธิ์ การันตีด้วยรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 10 ประจำปี 2551 
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนราษฎรในชุมชน และทรงงานด้านการรักษาแหล่งน้ำของชุมชนถึง 3 ครั้ง ปัจจุบันสมาชิกในชุมชนก็ยังดำเนินรอยตามโครงการของพระองค์อยู่
  • เดินทางสะดวก จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้าหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางเพียง 9-10 นาที เท่านั้น
  • ที่นี้มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งแต่ละคนดีกรีเป็นแกนนำชุมชน ใครได้มาเยี่ยมเยียนรับรองว่าได้เที่ยวในพื้นที่อย่างครบรสเลยทีเดียว
  • มีโฮมสเตย์ซึ่งเป็นบ้านของคนในท้องถิ่นแท้ๆ มากกว่า 70 หลัง
  • มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงสำรวจประวัติศาสตร์ชุมชนอย่าง วัดดอยแท่นพระผาหลวง 
  • รู้เรื่องการเกษตรได้จากการสำรวจฟาร์มโครงการของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ที่ทำร่วมกับชุมชน
  • ใครชอบเดินป่าสำรวจธรรมชาติ ไปศึกษาแหล่งต้นน้ำได้ พร้อมสาธิตวิธีการทำฝายกั้นน้ำ
  • ฐานกิจกรรมแนวผจญภัย ย้อนวัยเป็นลูกเสือ เนตรนารี กันได้ เพราะ ที่นี้ยามปกติเป็นค่ายดังที่มีโรงเรียนแวะเวียนมาเสมอ
  • รองรับนักท่องเที่ยวที่มีใจรักในการขับจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว
  • กิจกรรมชุมชนมีการคงความเป็นเอกลักษณ์พื้นบ้าน อาทิ การสอนทำอาหารท้องถิ่น
ก่อนเดินทางมาเราก็ได้รับการบิ้วอารมณ์จาก อ.มิ่งขวัญ มามากกว่า 10 รายการ เดี๋ยวจะขอไปดูให้เห็นกับตาซักหน่อยว่าที่เราลิสต์เอาไว้มันจะครบทุกข้อรึเปล่า? หรือเกินกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน ทีนี้ขอกลับมาเรื่องราวสำคัญที่ขาดไม่ได้ แน่นอนเรื่องการเตรียมตัวนี่ พลาดไม่ได้เชียว เสื้อผ้าหน้าผมเพื่อการถ่ายรูปและการสร้างความประทับใจให้กับคนในพื้นที่ต้องมาก่อน … 2 วัน 1 คืนนี้ ขอแนวเสื้อผ้าแนวทัวร์ริส ฮิปสเตอร์ กับเค้าละกัน คล่องตัวและดูเป็นนักท่องเที่ยวดี เผื่อเจอชาวบ้านเขาจะได้เคยชินกัน 

Chiangmai

เดินทางสู่ชุมชนบ้านโปง ณ เจียงใหม่ เจ้าาา

การเดินทางในครั้งนี้ บอกเลยว่าเอ็กคลูซีฟมาก เพราะ มีสปอนเซอร์ใจดีอย่าง Thai Smile Airways ที่สนับสนุนการเดินทางทั้งขาไปขากลับให้กับเหล่า Staff และวิทยากร ได้เดินทางไปยังบ้านโปงโดยสวัสดิภาพ บอกเลยว่านอกจากแอร์จะน่ารัก ให้บริการดีแล้ว เรายังถึงที่หมายได้ตรงเวลาตามที่นัดหมายกับคุณลุงคนขับรถตู้ด้วย

Chiangmai
วิวสองข้างทางขณะรถตู้ผ่านเข้าสู่ชุมชนบ้านโปง จากเมืองสู่แหล่งชุมชน

เมื่อเข้าสู่ชุมชนชนแล้ว ในวันนั้นบังเอิญว่าเป็นวันปิดค่ายลูกเสือพอดี แต่ อ.มิ่งขวัญ ก็รีบผละงานจากค่าย เพื่อมารองรับแขกผู้มาเยือนอย่างเราๆ ที่จุดบริการนักท่องเที่ยวด้วยความเป็นกันเอง หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันแล้ว ขอเริ่มจากการทำงานของดิฉันก่อนที่จะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะจุดประสงค์หลักคือ การมาให้ความรู้เรื่องโซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ให้กับชุมชน ซึ่งในงานนี้ได้รับเกียรติจากเหล่าวิทยากรชื่อดังในด้านออนไลน์ถึง 4 ท่านด้วยกัน  เอาเป็นว่าทั้งชุมชนและดิฉันได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม เหล่าแกนนำชุมชนต่อให้อายุมากแล้ว ต้องบอกเลยว่าไฟแรงและมีใจรักในการพัฒนาจริงๆ เห็นได้จากตลอดช่วงการเสวนา ทุกคนได้พยายามแลกเปลี่ยนความรู้ และเสนอแนะแนวทางด้วยการอู้คำเมืองกันอย่างเมามันส์

Chiangmai
บรรยากาศกิจกรรมเสวนาของเหล่าวิทยากรร่วมกับชุมชน
Chiangmai
วิทยากรของเราขอ selfie ร่วมกับแกนนำของชุมชนซักภาพ
หลังจากช่วงเวลาการเสวนาได้จบลง อ.มิ่งขวัญ เอ่ยปากชวนทีมงานทุกคนไปร่วมชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ พร้อมการันตีด้วยภาพในโทรศัพท์มือถือ พอพวกเราเห็นแล้วไม่รอช้า ทุกคนตกลงทันทีว่าขอไปสัมผัสด้วยตาของตัวเองกันดีกว่า ดิฉันขออาสาซ้อนมอเตอร์ไซต์ของน้องคนหนึ่งเพื่อจะได้เก็บบรรยากาศสองข้างทางได้ชัดเจน และได้โอกาสพูดคุยกับน้องคนขับไปด้วย บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะ ได้ข้อมูลเรื่องต้นไม้ และความเป็นมาของฟาร์มมาเป็นของแถม

“ หนูไม่ชอบเข้าเมือง ข้างในวุ่นวาย อยู่ตรงนี้ก็สบายดี อากาศก็ดี แค่นี้ก็เพียงพอแล้วพี่ ”
- ความรู้สึกของน้องเยาวชนสารถีจำเป็นของแจ๊ส -

“ พี่ก็อยากมีบ้านต่างจังหวัดให้กลับเหมือนกันนะ พี่ยังแอบอิจฉาเพื่อนๆ ที่มีบ้านต่างจังหวัดเลย อย่างน้อยก็มีบ้านพักร้อน ให้เราได้กลับไปพักผ่อน สูดอากาศแบบธรรมชาติบ้าง ” 
- ความรู้สึกของแจ๊ส คนเกิดและโตในกรุงเทพฯ -


ความในใจของดิฉันก็ได้แลกเปลี่ยนไปให้กับน้องเยาวชนคนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องบอกเลยว่าใครที่มีใจรักธรรมชาติ และมีความฝันอยากเป็นเกษตรกรไฮโซซักครั้ง ที่นี่เป็นอินสไปเรชั่นอันแรงกล้าที่จะทำให้คุณที่มาเยือนต้องตกหลุมรัก ประทับใจจนอย่างมีฟาร์มส่วนตัวแบบนี้กับเขาบ้าง

Chiangmai
ฟาร์มแม่โจ้แวดล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ล้อมด้วยรั่วสีขาว เป็นแนวคันทรีที่น่าสนใจ
Chiangmai
ผลไม้ที่ได้เห็นในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีลำไย มะม่วงน้ำดอกไม้ 
ซึ่งตอนนี้จะยังไม่ถึงฤดูกาลของการออกผล

Chiangmai
จริงๆ แล้วยังมีโครงการพระราชดำริฯ ด้านการเกษตรที่หลากหลายด้วย 
อย่าง โรงเพาะไส้เดือนดิน หรือ ผลไม้เมืองหนาว 


น้องมัคคุเทศก์จำเป็นได้ให้ความรู้ระหว่างขี่มอเตอร์ไซต์ด้วยว่า ที่นี่เวลาถึงช่วงเก็บเกี่ยว ผลผลิตต่างๆ มีการแบ่งสรรปันส่วนระหว่างชุมชนและมหาวิทยาลัยกันด้วย นับว่ามีระบบการจัดการที่ดีทีเดียว ที่นี่ยังมีแปลงเพาะผักสวนครัว หรือพืชพันธ์ุต่างๆ ที่นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้มาทำงานวิจัยทดลองปลูกบ้าง หรือเป็นงานโปรเจคของวิชาเรียนบ้าง จะเห็นน้องๆ บางกลุ่มแวะเวียนมาดูแลแปลงเกษตรของตัวเอง พร้อมจดบันทึกการเติบโตของต้นไม้ที่ปลูกด้วยตัวเอง เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆ

Chiangmai
ต้นผักกำลังเจริญเติบโตเลยทีเดียว โตไวไวน้า

ต้องขอบอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ กับการขึ้นมาดูฟาร์มตามคำเชิญชวนในครั้งนี้ เพราะ ภาพพระอาทิตย์อัสดงของที่นี่ช่างสวยงามจริงๆ สวยกว่าภาพในโทรศัพท์มือถือที่เห็นเมื่อยามบ่ายเสียอีก ดิฉันยังคุยกับเพื่อนๆ ว่าที่นี่เหมาะที่จะเป็นโลเคชั่นในการถ่ายละคร แนวสาวน้อยบ้านนาวิ่งมากอดกับหนุ่มกรุงเทพฯ ที่ตามมาง้องอน หรือจะเป็นฉากพรีเวดดิ้งก็เป็นแนวใหม่ที่น่าสนใจ 

Chiangmai
แปลงเพาะปลูกโดยรอบอีกซักภาพ จริงๆ แล้วมีเยอะกว่านี้อีกนะ
Chiangmai
หามุมถ่ายพระอาทิตย์กันสนุกสนาน ตอนอยู่กรุงเทพฯ ทำไมไม่มีฉากแบบนี้น้า

นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังมีชมรมนักปั่นกลุ่มเล็กๆ ที่มีแกนนำชุมชนท่านหนึ่งที่มีความสนใจเรื่องการปั่นจักรยานจัดตั้งขึ้น มีการนัดรวมตัวกับสมาชิกในชุมชนมาปั่นร่วมกัน แต่ที่ดิฉันเห็นไม่ใช่มีแค่คนในพื้นที่เท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติ ต่างถิ่นมาร่วมปั่นด้วย นับว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ได้สุขภาพที่ดี ได้เพื่อนใหม่ และได้ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ ข้างทางไปในตัว ที่สำคัญถนนราดยางเส้นขึ้นมาในฟาร์มแม่โจ้นี้ ถนนดีมาก และแทบไม่มีรถเก๋งขับสวนทางมาเลย เป็นการรับรองความปลอดภัยในการขับขี่ได้ในระดับหนึ่ง 

Chiangmai
อยากเก็บเส้นทางการปั่นทั่วไทย ที่บ้านโปง เป็นหนึ่งในเส้นทางที่น่าสนใจจริงๆ
Chiangmai
กลุ่มนี้เค้าปั่นกันเป็นระเบียบเชียว เหมือนเข้าแถวกันเลย
Chiangmai
ซูมพื้นถนนให้ดูชัดๆ ดีเทลเล็กๆ เราไม่เคยพลาดนะ
Chiangmai
ซุ้มประตู Maejo Farm เรามาถึงแล้วน้า

หลังจากเสพบรรยากาศความงามของป่าและธรรมชาติในฟาร์มแม่โจ้จนเต็มอิ่มแล้ว ก็เป็นอันถึงเวลาของการพักผ่อน อ.มิ่งขวัญ ได้จัดเตรียมที่พักแบบโฮมสเตย์ให้กับทีมงานเป็นที่เรียบร้อย ต้องขอบอกเลยว่าตื่นเต้นกับการเข้าพักบ้านของคนในชุมชนจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ดิฉันจะได้พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งก่อนเดินทางมาถึงได้จินตนาการไว้เรียบร้อยว่าที่พักจะต้องเป็นแบบโลคัลสุดๆ บ้านไม้มีใต้ถุนรึเปล่าน้า ต้องมีไก่กุ๊กๆ แน่ๆ เอาเป็นว่าภาพที่มโนไว้เป็นแบบหน้าปกแบบเรียนภาษาไทยสมัยประถมกันเลยทีเดียว (แก้วกับกล้า) แต่ในความเป็นจริงขอบอกเลยว่าไม่ใช่นะจ้ะ มันเป็นอะไรที่สมัยใหม่มากๆ บ้านสวยกว่าบ้านเราๆ ในกรุงเทพฯ เสียอีก

Chiangmai
ภาพหน้าบ้านถึงจะมืดไปหน่อยแต่เป็นของจริงที่ได้ไปสัมผัส

เจ้าของบ้านโฮมสเตย์เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีลูกชายตัวจิ๋ว 2 คนด้วยกัน พี่ๆ เจ้าของบ้านพักใจดีและให้ความเป็นกันเองมากๆ เราได้ใช้เวลาอันน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน เป็นที่น่าสนใจว่าบ้านหลังนี้เคยมีชาวต่างชาติมาพักด้วย ซึ่งคุณแม่ได้แชร์เรื่องราวว่า น้องเด็กฝรั่งที่มาพักก่อนหน้านี้บอกด้วยว่าจะกลับมาใหม่ ตอนที่มาพักจำได้ว่ามาเพื่อศึกษาความเป็นอยู่ของคนในชุมชน เขาเข้าไปดูงานเกษตรกับลุงบ้าง ผู้เฒ่าคนแก่ในชุมชนบ้าง สื่อสารกันโดยใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมในห้องเสวนาเมื่อเช้านี้มีภาษาอังกฤษเขียนอยู่ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านเคยบอกนั่นเองว่าที่นี่มีการรวมกลุ่มเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้นด้วยนั่นเอง  

แค่ในวันแรกเท่านั้น เช็คลิสต์ที่เคยทำมาก่อนที่จะเดินทางมาถึงก็ได้พิสูจน์ไปเกือบครบแล้ว บอกเลยว่ารู้สึกประทับใจมากๆ ที่คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ไม่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดไปเข้าเมืองเหมือนแต่ก่อน คนในท้องถิ่นรุ่นใหม่ๆ ทั้งน้องมัคคุเทศก์จำเป็นของพี่แจ๊ส และพี่ๆ เจ้าของบ้านโฮมสเตย์ของเราต่างได้ให้ความสำคัญกับบ้านที่เป็นถิ่นฐานบ้านเกิด และทำงานให้กับชุมชนจริงๆ นับว่าเป็นแนวคิดแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนในปัจจุบัน 

เดี๋ยวเราลองมาดูกันว่าในวันที่ 2 ของชุมชนบ้านโปงจะมีเรื่องราวสนุกๆ อะไรบ้าง รอติดตามกันค่ะ


Chiangmai
แล้วพบกันใหม่น้า ฟาร์มในฝัน ^^
Chiangmai
ภาพ Highlight of The Day  "Sun Set Scenery"
Newer Posts Home

ABOUT AUTHOR

Follow us

POPULAR POSTS

  • Baanpong Chiang Mai Part 1
    ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่  ตอนที่ 1 ทำความรู้จักชุมชนบ้านโปง และบันทึกการเดินทางไปฟาร์มแม่โจ้ 900 ไร่ บ้านโปง ที่ไหน...
  • Baanpong Chiang Mai Part 2
    ทริป 2 วัน ง่ายๆ ในชุมชนบ้านโปง จ.เชียงใหม่ วันที่ 2: เปิดกรุแหล่งท่องเที่ยว เรียนรู้วิถีชุมชนกับมัคคุเทศก์ท้องถิ่น วัดดอยพระแท่นผาหลวง...

Categories

  • Chiangmai
  • เชียงใหม่
  • เที่ยวภาคเหนือ
  • บ้านโปง
  • พระหันหลัง
  • ฟาร์มแม่โจ้
  • แม่โจ้
  • วัดดอยพระแท่นผาหลวง

Advertisement

FOLLOW US @ INSTAGRAM

About Me

Popular Posts

  • Baanpong Chiang Mai Part 2
  • Baanpong Chiang Mai Part 1

Advertisement

Copyright © 2016 Jazzie Diary. Created by OddThemes